การหาประสบการณ์คือการเรียนรู้เมืองนั้นๆ
พื้นที่เมืองของซัปโปโรถูกล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ เช่น ภูเขาเทอิเนะ ภูเขามารุยามะ ภูเขาโมอิวะ เป็นต้น สีสันของต้นไม้ที่เปลี่ยนแปลงไปตาม
ฤดูทั้งสี่ ช่วยวาดสีสันให้กับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเรา ประชากรประมาณ
2 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในเมือง จะใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติและสัตว์ทั้งหลาย
มิยากะว่า ยูกิชิกะได้จัดทำการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และได้มอบประสบการณ์เชิงลึกทางด้านสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์วัฒนธรรมให้กับผู้ที่เข้าร่วม คุณมิยากะว่าได้พูดเรื่องของตนเองและเรื่องที่เกี่ยวกับซัปโปโรให้ฟัง
ซัปโปโรเป็นเมืองที่สามารถสัมผัสกับประสบการณ์ความน่าสนใจของธรรมชาติซัปโปโร
คุณมิยากะว่าเกิดที่เมืองคะนะซะว่าจังหวัดอิชิกาว่า สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย หลังจากที่ได้เดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว ได้บินไปยังสหรัฐอเมริกา ในขณะที่เรียนทางด้านการออกแบบตกแต่งภายใน ก็ได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมกลางแจ้งที่บริษัทที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบผจญภัย ตอนที่กลับประเทศ ด้วยคำพูดประโยคหนึ่งของครูที่เป็นคนซัปโปโรว่า ”จงไปซัปโปโร!” จึงได้กลับไปยังซัปโปโร
“ทั้งๆ ที่ซัปโปโรเป็นเมืองใหญ่ แต่มีภูเขามารุยามะ ภูเขามารุยามะ สวนสาธารณะป่านบโปโรที่มีทั้ง
ป่าบริสุทธิ์และป่าดึกดำบรรพ์อยู่ ภูมิอากาศของซัปโปโรจะเป็นภูมิอากาศที่อยู่ตรงกลางพอดีของภูมิอากาศระหว่างทางเหนือและทางใต้ ถ้าดูแผนที่โลกจะเป็นภูมิอากาศของใต้สุดที่เป็นแบบทุนดร้าและไทก้ากับ
ภูมิอากาศของเหนือสุดที่เป็นแบบเขตอบอุ่นและกึ่งเขตร้อน ดังนั้น ถ้าเดินอยู่ในป่าของซัปโปโร จะมีพืชของ
ภูมิอากาศทั้งสองแบบอาศัยอยู่ มีสิ่งที่ให้ค้นคว้ามากมาย” กล่าวได้ว่าป่าของซัปโปโรที่มีเส้นแบ่งของภูมิอากาศ ความเป็นเมืองและพรมแดนของธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
การทำความเข้าใจด้วยสายตาตัวเองและการหาประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ
ตื่นนอนในตอนเช้า ถ้าอากาศดีคุณมิยากะว่าก็จะเดินเข้าไปในป่า ในตัวเมืองมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่มากมายก็จริง แต่อยากที่จะมอบโอกาสที่จะรู้สึกถึงเรื่องที่น่าประทับใจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในป่าและภูเขา
“ธรรมชาตินั้นเราไม่เข้าใจหรอกว่ามีอะไรเกิดขึ้น คนเราเมื่อเกิดเรื่องที่ช่วยไม่ได้ในเวลาที่ลำบาก หรือใน
เวลาที่ดีๆ ก็อยากจะแบ่งปันกับเพื่อน ตอนนี้ในท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้ที่เห็นอยู่นั้นมีทั้งการเจริญเติบโต
และการเสื่อมสภาพอยู่ตลอดเวลา
ลมที่พัดไหวหรือภูมิอากาศที่สัมผัสกับต้นไม้ในแต่ละครั้ง ไม่สามารถให้ความรู้สึกที่เหมือนกันได้ ต้นไม้ที่เกิดขึ้นที่ภูเขาโมอิวะ และภูเขามารุยามะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปีก็ตาม พวกมันอยู่ที่ตรงนั้นนานมาแล้วก่อนที่พวกผมจะเกิดเสียอีก บางทีถึงแม้
พวกมันตายก็คงจะอยู่ที่ตรงนั้นตลอดไป ดังนั้น อดคิดไม่ได้ว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเวลาไปแวะดูแต่ละครั้ง สิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลง มันมีสิ่งที่แตกต่างเกิดขึ้นที่นั่น ผมคิดว่าผู้คนสามารถที่จะอาศัยอยู่
ในสถานที่ที่ให้ความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น เป็นสิ่งที่เป็นความสุขครับ”
“ถ้าเป็นภูเขาโมอิวะ ผมเพียงคนเดียวใช้เวลาในการปีนถึงยอดเขาประมาณ 40 นาที แต่ถ้าเป็นคณะทัวร์
ใช้เวลาในการปีนเขา 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันก็ต้องอธิบายเรื่องของพืชและภูเขาด้วย
ในเวลานั้น “นี่คืออะไรนะ?” ผมจะให้ความสำคัญในเรื่องที่ผู้ร่วมคณะมีความรู้สึกสงสัยขึ้นมา ผมจะร่วมสังเกตพืชหรือต้นไม้ที่ว่านั้นด้วยกันและทำการค้นหาลักษณะพิเศษของมัน
ชื่อของดอกไม้หรือต้นไม้นั้น สามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือรูปภาพ แต่ผมคิดว่าการเรียนรู้ด้วยความรู้สึกที่ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เป็น ”การเรียนรู้” อย่างแท้จริง ในฤดูกาลต่อจากนี้ ถ้าไปภูเขาโดยใส่รองเท้าหิมะไปยังภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ได้พบเจอต้นไม้ใหญ่ที่ยังไม่มีใครได้เห็น การที่มีใบไม้ร่วงหล่น ทำให้การดูนกเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบ ถึงแม้ในฤดูร้อน ในป่านั้นเงียบสงบ แต่เมื่อฤดูหนาวมาถึง มันเงียบเสียจนคิดว่า “ที่นี่
ใช่ซัปโปโรจริงๆ หรือ?” การเดินในเวลากลางคืนในฤดูหนาวจะเงียบเป็นพิเศษ พอได้เดินในป่าสักประมาณ
หนึ่งชั่วโมง อาจทำให้ลืมไปว่าตัวเองอยู่ที่ซัปโปโร การดูทิวทัศน์ยามคํ่าคืนให้ความประหลาดใจถึงความที่อยู่
ใกล้ชิดกับตัวเมืองเลยละครับ”
“อันนี้อะไรนะ?” หาโอกาสในการหาประสบการณ์
“ ผมทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่บาร์ชื่อ “บาร์คอมซัปโปโร”ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติและประวัติศาสตร์ สภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะโดดเด่นของฮอกไกโดได้ ผมทำงานที่ร้านในฐานะที่เป็นพนักงานคัดเลือกไวน์ทั้งในและนอกประเทศ ผักที่ใช้ในการประกอบอาหารที่ร้านนั้น เรามีความใกล้ชิดกับผู้ผลิต เนื่องจากได้ไปเยี่ยมชมสวนผักกันจริงๆ ทำให้รู้ในเรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ
สวนผัก เราจึงมีหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างลูกค้ากับวัตถุดิบที่ใช้ในการ
ประกอบอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการจัดนำไวน์มาใช้จัดงานปิกนิกและงานกวีชมจันทร์กลางคืน เป็นต้น
ทางร้านเป็นสถานที่สร้างโอกาสให้สัมผัสกับประสบการณ์ ผมอยากจะสร้างโอกาสให้สัมผัสกับประสบการณ์ในธรรมชาติของซัปโปโรให้มากกว่านี้ ”
คุณมิยากะว่า กล่าวว่า “การเดินทางคือการยืดอายุชีวิตประจำวัน” กล่าวคือ ถ้าในแต่ละวันเรามีมุมมอง
“อันนี้คืออะไรนะ?” อยู่ตลอดเวลา พวกเราสามารถค้นพบสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรา โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปยังประเทศไกลๆ และมุมมองนี้ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของธรรมชาติเท่านั้น แต่ถ้าได้ใช้กับ
สิ่งต่างๆ ในเวลาที่เราต้องการรู้ อาจจะเป็นการเปลี่ยนวิธีการมองเห็นของซัปโปโรก็ได้
มิยากะว่า ยุกิชิกะ
ไกด์ท่องเที่ยวธรรมชาติและผู้ประสานงานการท่องเที่ยงเชิงนิเวศ
เกิดในปีค.ศ. 1972 ที่เมืองคะนะซะว่า จังหวัดอิชิกาว่า ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยช่วงอายุ 20 ปีที่ต่างประเทศ ได้ศึกษาการ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คอสตาริกา มองโกล เป็นต้น หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ฮอกไกโดแล้ว ได้ทำงานอิสระเป็นไกด์ ท่องเที่ยวธรรมชาติและผู้ประสานงานการท่องเที่ยงเชิงนิเวศ นอกจากทำงานในฐานะเป็นผู้ประกอบการที่ดินทั่วพื้นที่ของฮอกไกโดแล้ว ยังเขียนบทความเรื่องประสบการณ์ส่วนตัวลงในนิตยสารที่เกี่ยวกับธรรมชาติ และเขียนข้อมูลที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยงเชิงนิเวศด้วย